วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556
ที่วางเท้า Footstool
Posted by Unknown on 06:36 | No comments
วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556
การจัดวางกีตาร์และท่านั่ง
Posted by Unknown on 07:03 | No comments
การจัดวางกีตาร์และท่านั่ง
การจัดองค์ประกอบของกีตาร์ให้เหมาะสมกับร่างกานของผู้เล่น เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้มีอยู่หลายวิธีที่นิยมกัน แต่มีท่าที่ได้รับการยอมรับกันมากที่สุดก็คือการจัดวางกีตาร์ให้อยู่ใน ลักษณะทำมุมกับตัวผู้เล่นประมาณ 45 องศา
ซึ่งการเล่นกีตาร์คลาสสิกจำเป็นอบ่างยิ่งที่กีตาร์จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงเพื่อให้สอดคล้องกับการบรรเลง
ดังนั้น การนั่งเล่นจึงเป็นท่าดูจะเหมาะสมมากที่สุด และการที่จะทำให้กีตาร์อยู่ในตำแหน่งที่ทำมุมพอดีกับร่างกาย
จำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือบางอย่างเข้ามาช่วยเช่น
ที่วางเท้า หรือ Footstool
การจัดองค์ประกอบของกีตาร์ให้เหมาะสมกับร่างกานของผู้เล่น เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้มีอยู่หลายวิธีที่นิยมกัน แต่มีท่าที่ได้รับการยอมรับกันมากที่สุดก็คือการจัดวางกีตาร์ให้อยู่ใน ลักษณะทำมุมกับตัวผู้เล่นประมาณ 45 องศา
ซึ่งการเล่นกีตาร์คลาสสิกจำเป็นอบ่างยิ่งที่กีตาร์จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงเพื่อให้สอดคล้องกับการบรรเลง
ดังนั้น การนั่งเล่นจึงเป็นท่าดูจะเหมาะสมมากที่สุด และการที่จะทำให้กีตาร์อยู่ในตำแหน่งที่ทำมุมพอดีกับร่างกาย
จำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือบางอย่างเข้ามาช่วยเช่น
ที่วางเท้า หรือ Footstool

คลิ๊กเพื่ออ่านรายละเอียดที่วางเท้า
Guitar rest
คลิ๊กเพื่ออ่านรายละเอียดกีต้าร์เรส
วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556
ประวัติของกีต้าร์คลาสสิค
Posted by Unknown on 20:58 | No comments

Classical Guitar
กีตาร์เป็นเครื่องสายประเภทดีด มีต้นกำเนิดในแถบตะวันออกกลาง กีตาร์เริ่มเป็น ที่รู้จักในประเทศสเปนเมื่อราวศตวรรษที่16 มีทั้งชนิด 6 สายที่เรียกว่า Vihuela, ชนิด 4 สายที่เรียกว่า Guitarra และชนิด 5 สายที่เรียกว่า Guitarra Espanola กีตาร์เริ่มแพร่หลายเข้าสู่ดินแดนอื่นๆ ในยุโรปในช่วง ปลายศตวรรษที่ 17 ในราชสำนักฝรั่งเศส
เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่18 กีตาร์กลับมามี บทบาทในสังคมดนตรีตะวันตกอีกครั้ง หลังจากเสื่อมความนิยมไปชั่วขณะ ในยุค Baroque นั้น ลูท (Lute) เป็นเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมมากกว่า ในยุค Baroque มีบทประพันธ์สำหรับกีตาร์เป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับลูท บทประพันธ์ของกีตาร์สมัยนั้นมักเป็นแค่ส่วนประกอบของการร้องเพลงเท่านั้น ต่อมาในยุคคลาสสิกมีการพัฒนารูปร่างกีตาร์ให้ดีขึ้น เอวของกีตาร์จะแคบขึ้นมี (Fret) จาก 10 เป็น 18 เฟรท ด้านข้างและด้านหลังของกีตาร์ทำด้วยไม้ Rosewood แทนที่จะเป็นไม้ Spruce อย่างเดิม รวมทั้งเปลี่ยนจากสายคู่ 5 สายมาเป็นสายเดี่ยว 6 สาย ส่วนขนาดนั้นยังคงใกล้เคียงกับสมัย Baroque กีตาร์ได้รับความสนใจมากขึ้น มีนักกีตาร์ที่มีฝีมือดีเยี่ยมและมีบทประพันธ์ทางด้านกีตาร์มากขึ้น ทั้งรูปแบบ Guitar Solo, Guitar Ensemble, Chamber Music, Guitar Concerto และอื่นๆ อีกมาก
ส่วนประกอบและลักษณะของกีต้าร์คลาสสิค
Posted by Unknown on 07:51 | No comments
ส่วนประกอบของกีต้าร์คลาสสิค
- ส่วนหัว (HEAD) เป็นไม้มีรูเจาะเป็นช่องยาว 2 ช่องในช่องยาวนี้จะมีแกนสำหรับใส่สายกีตาร์ ส่วนใหญ่เป็น
พลาสติค หรือวัสดุจำพวกกระดูกและงาช้าง(ซึ่งจะมีราคาแผง)หรือแม้แต่แกนเหล็ก มีปลายยื่นออกมาด้านหลัง
เป็นลูกบิด 6 อัน ลูกบิดจะตั้งฉากกับพื้นเมื่อวางกีตาร์ในแนวนอน
- ส่วนคอ (NECK) กีตาร์คลาสสิกนั้นจะมีคอที่ใหญ่กว่ากีตาร์อื่น ๆ ไม้ส่วนคอจะตรงและมีขนาดเท่ากันตั้งแต่ส่วน
บนสุดถึงล่างสุดของคอ จำนวนเฟร็ต ถ้านับจากจุดต่อลำตัวจะมี 12 เฟร็ต บริเวณฟิงเกอร์บอร์ต (FINGERBOARD จมีจุดบอกตำแหน่งเฟร็ตบริเวณสันคอกีตาร์แทนที่จะอยู่บนฟิงเกอร์บอร์ตเหมือน กีตาร์ทั่วไป
- ลำตัว (BODY) เป็นส่วนที่ยึดติดกับคอกีตาร์ ตั้งแต่เฟร็ตที่ 12 เข้ามาในกล่องเสียง (SOUND BOX) มีลักษณะ เรียบ ด้านหน้า มีรูกลมเป็นโพรงเสียงอยู่ต่อจากด้านล่างสุดของคอส่วนล่างของโพรงเสียงจะมี บริดจ์ (BRIDSE) ที่ยึดสายกีตาร์ไว้กับลำตัวด้านหน้า ข้อสังเกต กีตาร์คลาสสิกโดยมากจะใช้สายไนลอน สายเบส (4,5,6) จะเป็นสายที่พันด้วยเส้นโลหะเล็ก ๆ เช่น ทองแดง บรอนส์ ฯลฯ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)